วันจันทร์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2558

วันศิลป์ พีระศรี

วันศิลป์ พีระศรี ศิลป์ พีระศรี 15 กันยายน วันศิลป์ พีระศรี บิดาแห่งวงการศิลปะ และผู้ก่อตั้งมหาวิทยาลัยศิลปากร อ่าน ประวัติ ศิลป์ พีระศรี พร้อมผลงานต่าง ๆ ของบิดาแห่งวงการศิลปะ ที่นี่ ศิลป์ พีระศรี หรือ ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี บิดาแห่งศิลปะร่วมสมัยของไทย และบิดาแห่งมหาวิทยาลัยศิลปากร ผู้สร้างความเป็นปึกแผ่นแก่วงการศิลปะไทยให้เจริญรุ่งเรืองก้าวหน้าตลอดมาจนถึงปัจจุบัน และเนื่องด้วยในวันที่ 15 กันยายนของทุกปี ได้ถูกกำหนดให้เป็น "วันศิลป์ พีระศรี" เพื่อรำลึกครูผู้อุทิศตนทั้งชีวิต เพื่อนักเรียนและศิลปะ จนวินาทีสุดท้ายของชีวิต และเราก็ไม่พลาดที่จะอาสาพาทุก ๆ ท่านไปทำความรู้จักกับ ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี บิดาแห่งศิลปะร่วมสมัยของไทย 15 กันยายน วันศิลป์ พีระศรี ประวัติ ศิลป์ พีระศรี ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี เดิมชื่อ CORRADO FEROCI เกิดเมื่อวันที่ 15 กันยายน 2435 ในเขตซานโจวันนี (San Giovanni) เมืองฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี บิดาชื่อ นาย Artudo Feroci และมารดาชื่อนาง Santina Feroci เมื่ออายุ 23 ปี สามารถสอบผ่านเป็นศาสตราจารย์ จากราชวิทยาลัยศิลปแห่งนครฟลอเรนซ์ (The Royal Academy of Art of Florence) สำหรับเรื่องการศึกษานั้น ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี เข้าศึกษาในระดับชั้นประถม เมื่อปี 2441 พอจบหลักสูตร 5 ปี ก็ได้เข้าศึกษาในโรงเรียนมัธยมอีก 5 ปี หลังจากนั้นก็ได้เข้าศึกษาทางด้านศิลปะในโรงเรียนราชวิทยาลัยศิลปะ แห่งนครฟลอเรนซ์ จนจบหลักสูตรวิชาช่าง 7 ปี และได้รับประกาศนียบัตรช่างปั้นช่างเขียน ในขณะที่มีอายุ 23 ปี หลังจากนั้นไม่นานก็รับปริญญาบัตรเป็นศาสตราจารย์ ที่มีความรอบรู้ทางด้านประวัติศาสตร์ศิลป์ วิจารณ์ศิลป์และปรัชญา นอกจากนี้ ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี ยังมีความสามารถทางด้านศิลปะแขนงประติมากรรมและจิตรกรรมอีกด้วย เมื่อปี 2466 ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี ได้ชนะการประกวดการออกแบบเหรียญเงินตราสยามที่จัดขึ้นในยุโรป ซึ่งผลการประกวดครั้งนี้เองที่ทำให้ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี ได้เดินทางมารับราชการเป็นช่างปั้นประจำกรมศิลปากร ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 และในวันที่ 14 มกราคม 2466 ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นอาจารย์สอนวิชาช่างปั้นหล่อ แผนกศิลปากร สถานแห่งราชบัณฑิตสภา จนกระทั่งในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ช่วงปี 2484 ประเทศอิตาลียอมพ่ายแพ้แก่ฝ่ายสัมพันธมิตร ส่งผลให้ชาวอิตาเลียนที่อาศัยอยู่ภายในประเทศไทยตกเป็นเชลยของประเทศเยอรมนีกับญี่ปุ่น แต่รัฐบาลไทยได้ขอควบคุมตัวศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี ไว้เอง ก่อนที่จะให้หลวงวิจิตรวาทการ ดำเนินการเดินเรื่องขอโอนสัญชาติจากอิตาเลียนมาเป็นสัญชาติไทย พร้อมเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น "นายศิลป์ พีระศรี" เพื่อป้องกันมิให้ต้องถูกเกณฑ์เป็นเชลยศึกไปสร้างทางรถไฟสายมรณะ และสะพานข้ามแม่น้ำแคว เมืองกาญจนบุรี สำหรับการวางรากฐานการศึกษา ในช่วงแรกศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี ได้จัดตั้ง "โรงเรียนประณีตศิลปกรรม" ซึ่งต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็น "โรงเรียนศิลปากรแผนกช่าง" เมื่อปี 2480 ซึ่งโรงเรียนแห่งนี้ ได้มีการเปิดสอนหลักสูตรวิชาจิตรกรรมและประติมากรรม และในสมัยของจอมพล ป. พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรี ก็ได้สั่งให้แยกกรมศิลปากรออกจากกระทรวงศึกษาธิการและให้มาขึ้นอยู่กับสำนักนายกรัฐมนตรีแทน เนื่องจากจอมพล ป. พิบูลสงคราม ตระหนักถึงความสำคัญของศิลปะว่าเป็นวัฒนธรรมที่สำคัญยิ่งสาขาหนึ่งของชาติ จึงได้มีคำสั่งให้ พระยาอนุมานราชธน อธิบดีกรมศิลปากร ในขณะนั้น ดำเนินการปรับปรุงหลักสูตรและตราพระราชบัญญัติ เพื่อยกฐานะ "โรงเรียนศิลปากร" ขึ้นเป็น "มหาวิทยาลัยศิลปากร" เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2486 โดยมหาวิทยาลัยศิลปากรในขณะนั้น มีศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี เป็นผู้อำนวยการสอนและดำรงตำแหน่งคณบดีคนแรก และคณะวิชาเดียวที่มีการเปิดสอน คือ คณะจิตรกรรมประติมากรรม (สาขาจิตรกรรมและสาขาประติมากรรม) 15 กันยายน วันศิลป์ พีระศรี นอกจากนี้ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลไทยให้ออกแบบปั้นและควบคุมการหล่อพระราชนุสาวรีย์ และอนุสาวรีย์สำคัญของประเทศไทย อาทิ พระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก (ปี 2475), อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (ปี 2477), พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระมหาธีรราชเจ้า (ปี 2484) และพระบรมราชานุสาวรีย์พระเจ้าตากสินมหาราช (ปี 2493-2494) เป็นต้น และศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี ก็ไม่ได้มีผลงานทางด้านศิลปะเพียงอย่างเดียวที่กลายเป็นที่จดจำของเหล่าลูกศิษย์ เพราะมีหลาย ๆ ครั้งที่ ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี จะหยิบยกคำสอนมาคอยเตือนใจลูกศิษย์ของตน โดยเฉพาะประโยคที่ว่า "ศิลปะยืนยาว ชีวิตสั้น" เพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่า ชีวิตของมนุษย์ช่างแสนสั้นนัก เมื่อเปรียบเทียบกับการยืนยงคงอยู่ของศิลปกรรมที่จะยืนยงคงอยู่ยาวนานนับร้อยนับพันปี หรือประโยคที่ว่า "นายไม่อ่านหนังสือ นายจะรู้อะไร" เพื่อเตือนใจลูกศิษย์ให้หมั่นศึกษาหาความรู้ โดยเฉพาะความรู้ใหม่ ๆ เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2505 ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี ถึงแก่กรรมที่โรงพยาบาลศิริราช เมื่อรวมสิริอายุได้ 69 ปี 7 เดือน 29 วัน 15 กันยายน วันศิลป์ พีระศรี ผลงาน ศิลป์ พีระศรี ผลงานประติมากรรม ผลงานประติมากรรมที่ทำในประเทศอิตาลี รูปคนเหมือนเฉพาะศีรษะ รูปพระเยซูคริสต์ถูกนำลงมาจากไม้กางเขนนอนบนแผ่นหิน อนุสาวรีย์ขนาดใหญ่รูปเทพเจ้าต่าง ๆ ผลงานประติมากรรมที่ทำในประเทศไทย รูปเหมือนบุคคล สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ (เฉพาะพระเศียร) สำริด พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (เฉพาะพระเศียร) พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (ครึ่งพระองค์) ปูนปลาสเตอร์ กองหัตถศิลป์ กรมศิลปากร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล 2 องค์ ปูนปลาสเตอร์ กองหัตถศิลป์ พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ประติมากรรมนูนต่ำ ปูนปลาสเตอร์ หอศิลปแห่งชาติ สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ (ครึ่งพระองค์) ปูนปลาสเตอร์ กองหัตถศิลป์ กรมศิลปากร สมเด็จพระพุฒาจารย์ วัดเทพศิรินทราวาส (ครึ่งองค์) กรมศิลปากร พระญาณนายก (ปลื้ม จันโทภาโส มณีนาค) วัดอุดมธานี นครนายก ประติมากรรมนูนสูง ปูนพลาสเตอร์ หลวงวิจิตรวาทการ (ครึ่งตัว) ปูนปลาสเตอร์ กรมศิลปากร ม.ร.ว.สาทิศ กฤดากร (เฉพาะศีรษะ) บรอนซ์ เจ้าของ ม.จ.รัสสาทิศ กฤดากร นางมาลินี พีระศรี (เฉพาะศีรษะ) พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ศิลป์ พีระศรี อนุสรณ์ กรุงเทพฯ Romano (ลูกชาย ภาพร่างไม่เสร็จ) กรมศิลปากร นางมีเซียม ยิบอินซอย (รูปเหมือนครึ่งตัว) บรอนซ์ หอศิลปแห่งชาติ พระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล (เฉพาะพระเศียร) พระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช (ครึ่งพระองค์ ปั้นไม่เสร็จ เพราะศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี ถึงแก่กรรมเสียก่อน) ผลงานประเภทอนุสาวรีย์ พระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราวุธ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ประดิษฐาน ณ ปราสาทพระเทพบิดร พระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระรามาธิบดีศรีสินทรมหาจักรีบรมนาถ พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ประดิษฐาน ณ พระปฐมบรมราชานุสรณ์ เชิงสะพานพระพุทธยอดฟ้า กรุงเทพฯ อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี นครราชสีมา อนุสาวรีย์พระบรมราชานุสาวรีย์ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี ขนาด 3 เท่าพระองค์จริง ประดิษฐาน ณ สวนลุมพินี กรุงเทพฯ อนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ประดิษฐาน ณ วงเวียนใหญ่ ธนบุรี กรุงเทพฯ อนุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ประดิษฐาน ณ ดอนเจดีย์ สุพรรณบุรี พระพุทธรูปพระประธานพุทธมณฑล (องค์ตนแบบ) นครปฐม ประติมากรรมรูปปั้น อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ กรุงเทพฯ และยังมีโครงการที่ทำยังไม่แล้วเสร็จอีกคือ พระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลปัจจุบัน, อนุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ลพบุรี เป็นต้น 15 กันยายน วันศิลป์ พีระศรี คำสอนของศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี "ศิลปะยืนยาว ชีวิตสั้น" "อย่าถือว่าเราเป็นคนเก่ง ต้องศึกษาเล่าเรียนอีกมาก ฉันเองก็ยังศึกษาหาความรู้อยู่ตลอดเวลา" "ฉันนับถือศาสนาศิลปะ เผยแพร่สอนศิลปะ ศิลปินอดข้าว เขาไม่ตาย แต่ถ้าห้ามเขาไม่ให้ทำงานศิลปะ เขาต้องตาย เขาอยู่ไม่ได้" "นายไม่อ่านหนังสือ นายจะรู้อะไร" "ถ้านายรักฉัน คิดถึงฉัน ขอให้นายทำงาน" ลูกศิษย์ ศิลป์ พีระศรี นอกจากผลงานในด้านศิลปะแล้ว ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี ยังเป็นนักปั้นบุคลากรทางด้านศิลปะและศิลปินชั้นนำของประเทศไทยไว้เป็นจำนวนมาก อาทิ นายเฟื้อ หริพิทักษ์ ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ ประจำปี 2528 ทั้งยังเป็นศิลปินและจิตรกร ผู้ได้รับการยกย่องเป็น "ครูใหญ่ในวงการศิลปะ" และยังได้รับรางวัลแมกไซไซ สาขาบริการสาธารณะ เมื่อปี 2526 นายไพฑูรย์ เมืองสมบูรณ์ ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (ประติมากรรม) ประจําปี 2529 นายประสงค์ ปัทมานุช ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (จิตรกรรม) ประจําปี 2529 นายทวี นันทขว้าง ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (จิตรกรรม) ประจำปี 2533 นายสวัสดิ์ ตันติสุข ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (จิตรกรรม) ประจำปี 2534 ศาสตราจารย์ชลูด นิ่มเสมอ ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (ประติมากรรม) ประจำปี 2541 ผู้ช่วยศาสตราจารย์ดำรง วงศ์อุปราช ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (จิตรกรรม) ประจำปี 2542 นายอินสนธิ์ วงศ์สาม ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (ประติมากรรม) ประจำปี 2542 ผู้ช่วยศาสตราจารย์มานิตย์ ภู่อารีย์ ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (ภาพพิมพ์) ประจำปี 2543 และนายถวัลย์ ดัชนี ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (จิตรกรรม) ประจำปี 2544 ซึ่งถือได้ว่าเป็นลูกศิษย์รุ่นท้าย ๆ ของ ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี ภาพจาก เฟซบุ๊ก ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี บิดาแห่งวงการศิลปะในประเทศไทย

วันพฤหัสบดีที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2558

ภาษาเยอรมันเบื้องต้น

เป็นวิดีโอที่ข้าพเจ้าได้ทำขึ้นเพื่อเป็นสื่อในการเรียนการสอนภาษายอรมัน ในสาระการเรียนรู้วิชาคอมพิวเตอร์ โครงงานสื่อเพื่อการศึกษา

วันพฤหัสบดีที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

วันสุนทรภู่

วันสุนทรภู่ 26 มิถุนายน ประวัติและผลงานของสุนทรภู่มีความเป็นมาอย่างไร กิจกรรมที่ควรปฏิบัติ ในวันสุนทรภู่ มีอะไรบ้าง เรามีบทความเรื่องนี้มาฝากกัน ถ้าเอ่ยชื่อ "สุนทรภู่" เชื่อว่าน้อยคนนักที่จะไม่รู้จักกวีชาวไทยที่มีชื่อเสียงก้องโลก โดยเฉพาะกลอนนิทานเรื่อง "พระอภัยมณี" จนได้รับยกย่องจากองค์การยูเนสโกให้เป็นบุคคลสำคัญของโลก ด้านงานวรรณกรรม หรือ "มหากวีแห่งรัตนโกสินทร์" หรือ "เชกสเปียร์แห่งประเทศไทย" และคงเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า "วันที่ 26 มิถุนายน" ของทุกปีคือ "วันสุนทรภู่" ซึ่งมักจะมีการจัดนิทรรศการ ประกวดแต่งคำกลอน เพื่อแสดงถึงการรำลึกถึง เพราะฉะนั้น วันนี้กระปุกดอทคอมจึงไม่พลาด ขอพาไปเปิดประวัติ "วันสุนทรภู่" ให้มากขึ้นค่ะ... ชีวประวัติ "สุนทรภู่" สุนทรภู่ กวีสำคัญสมัยต้นรัตนโกสินทร์ เกิดวันจันทร์ เดือน 8 ขึ้น 1 ค่ำ ปีมะเมีย จุลศักราช 1148 เวลา 2 โมงเช้า หรือตรงกับวันที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2329 เวลา 08.00 น. นั่นเอง ซึ่งตรงกับสมัยรัชกาลที่ 1 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ณ บริเวณด้านเหนือของพระราชวังหลัง (บริเวณสถานีรถไฟบางกอกน้อยปัจจุบัน) บิดาของท่านเป็นชาวกร่ำ อำเภอแกลง จังหวัดระยอง ชื่อพ่อพลับ ส่วนมารดาเป็นชาวเมืองฉะเชิงเทรา ชื่อแม่ช้อย สันนิษฐานว่ามารดาเป็นข้าหลวงอยู่ในพระราชวังหลัง เชื่อว่าหลังจากสุนทรภู่เกิดได้ไม่นาน บิดามารดาก็หย่าร้างกัน บิดาออกไปบวชอยู่ที่วัดป่ากร่ำ ตำบลบ้านกร่ำ อำเภอแกลง อันเป็นภูมิลำเนาเดิม ส่วนมารดาได้เข้าไปอยู่ในพระราชวังหลัง ถวายตัวเป็นนางนมของพระองค์เจ้าหญิงจงกล พระธิดาในเจ้าฟ้ากรมหลวงอนุรักษ์เทเวศร์ ดังนั้น สุนทรภู่จึงได้อยู่ในพระราชวังหลังกับมารดา และได้ถวายตัวเป็นข้าในกรมพระราชวังหลัง ซึ่งสุนทรภู่ยังมีน้องสาวต่างบิดาอีกสองคน ชื่อฉิมและนิ่ม อีกด้วย "สุนทรภู่" ได้รับการศึกษาในพระราชวังหลังและที่วัดชีปะขาว (วัดศรีสุดาราม) ต่อมาได้เข้ารับราชการเป็นเสมียนนายระวางกรมพระคลังสวน ในกรมพระคลังสวน แต่ไม่ชอบทำงานอื่นนอกจากแต่งบทกลอน ซึ่งสามารถแต่งได้ดีตั้งแต่ยังรุ่นหนุ่ม เพราะตั้งแต่เยาว์วัยสุนทรภู่มีนิสัยรักแต่งกลอนยิ่งกว่างานอื่น ครั้งรุ่นหนุ่มก็ไปเป็นครูสอนหนังสืออยู่ที่วัดศรีสุดารามในคลองบางกอกน้อย ได้แต่งกลอนสุภาษิตและกลอนนิทานขึ้นไว้ เมื่ออายุราว 20 ปี ต่อมาสุนทรภู่ลอบรักกับนางข้าหลวงในวังหลังคนหนึ่ง ชื่อแม่จัน ซึ่งเป็นบุตรหลานผู้มีตระกูล จึงถูกกรมพระราชวังหลังกริ้วจนถึงให้โบยและจำคุกคนทั้งสอง แต่เมื่อกรมพระราชวังหลังเสด็จทิวงคตในปี พ.ศ. 2349 จึงมีการอภัยโทษแก่ผู้ถูกลงโทษทั้งหมดถวายเป็นพระราชกุศล หลังจากสุนทรภู่ออกจากคุก เขากับแม่จันก็เดินทางไปหาบิดาที่ อำเภอแกลง จังหวัดระยอง และมีบุตรด้วยกัน 1 คน ชื่อ "พ่อพัด" ได้อยู่ในความอุปการะของเจ้าครอกทองอยู่ ส่วนสุนทรภู่กับแม่จันก็มีเรื่องระหองระแหงกันเสมอ จนภายหลังก็เลิกรากันไป สุนทรภู่ ภาพจาก คุณ Nukoon Nueakong สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม หลังจากนั้น สุนทรภู่ ก็เดินทางเข้าพระราชวังหลัง และมีโอกาสได้ติดตามพระองค์เจ้าปฐมวงศ์ในฐานะมหาดเล็ก ตามเสด็จไปในงานพิธีมาฆบูชา ที่อำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี เมื่อปี พ.ศ. 2350 และเขาก็ได้แต่ง "นิราศพระบาท" พรรณนาเหตุการณ์ในการเดินทางคราวนี้ด้วย และหลังจาก "นิราศพระบาท" ก็ไม่ปรากฏผลงานใด ๆ ของสุนทรภู่อีกเลย จนกระทั่งเข้ารับราชการในปี พ.ศ. 2359 ในรัชสมัยรัชกาลที่ 2 สุนทรภู่ได้เข้ารับราชการในกรมพระอาลักษณ์ และเป็นที่โปรดปรานของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย จนแต่งตั้งให้เป็นกวีที่ปรึกษาและคอยรับใช้ใกล้ชิด เนื่องจากเมื่อครั้งที่พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยทรงแต่งกลอนบทละครในเรื่อง "รามเกียรติ์" ติดขัดไม่มีผู้ใดต่อกลอนได้ต้องพระราชหฤทัย จึงโปรดให้สุนทรภู่ทดลองแต่ง ปรากฏว่าแต่งได้ดีเป็นที่พอพระทัย จึงทรงพระกรุณาฯ เลื่อนให้เป็น "ขุนสุนทรโวหาร" ต่อมาในราว พ.ศ. 2364 สุนทรภู่ต้องติดคุกเพราะเมาสุราอาละวาดและทำร้ายท่านผู้ใหญ่ แต่ติดอยู่ไม่นานก็พ้นโทษ เนื่องจากพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยทรงติดขัดบทพระราชนิพนธ์เรื่อง "สังข์ทอง" ไม่มีใครแต่งได้ต้องพระทัย ทรงให้สุนทรภู่ทดลองแต่งก็เป็นที่พอพระราชหฤทัย ภายหลังพ้นโทษ สุนทรภู่ได้เป็นพระอาจารย์ถวายอักษรสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าอาภรณ์ พระราชโอรสในรัชกาลที่ 2 และ เชื่อกันว่าสุนทรภู่แต่งเรื่อง "สวัสดิรักษา" ในระหว่างเวลานี้ ซึ่งในระหว่างรับราชการอยู่นี้ สุนทรภู่แต่งงานใหม่กับแม่นิ่ม มีบุตรด้วยกันหนึ่งคน ชื่อ "พ่อตาบ" "สุนทรภู่" รับราชการอยู่เพียง 8 ปี เมื่อถึงปี พ.ศ. 2367 พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยเสด็จสวรรคต หลังจากนั้นสุนทรภู่ก็ออกบวชที่วัดราชบูรณะ (วัดเลียบ) อยู่เป็นเวลา 18 ปี ระหว่างนั้นได้ย้ายไปอยู่วัดต่าง ๆ หลายแห่ง ได้แก่ วัดเลียบ, วัดแจ้ง, วัดโพธิ์, วัดมหาธาตุ และวัดเทพธิดาราม ซึ่งผลจากการที่ภิกษุภู่เดินทางธุดงค์ไปที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ ปรากฏผลงานเป็นนิราศเรื่องต่าง ๆ มากมาย งานเขียนชิ้นสุดท้ายที่ภิกษุภู่แต่งไว้ก่อนลาสิกขาบท คือ รำพันพิลาป โดยแต่งขณะจำพรรษาอยู่ที่วัดเทพธิดาราม พ.ศ. 2385 ทั้งนี้ ระหว่างที่ออกเดินทางธุดงค์ ภิกษุภู่ได้รับการอุปการะจากพระองค์เจ้าลักขณานุคุณจนพระองค์ประชวรสิ้นพระชมน์ สุนทรภู่จึงลาสิกขาบท รวมอายุพรรษาที่บวชได้ประมาณ 10 พรรษา สุนทรภู่ออกมาตกระกำลำบากอยู่พักหนึ่งจึงกลับเข้าไปบวชอีกครั้งหนึ่ง แต่อยู่ได้เพียง 2 พรรษา ก็ลาสิกขาบท และถวายตัวอยู่กับเจ้าฟ้าน้อย หรือสมเด็จเจ้าฟ้าจุฑามณี กรมขุนอิศเรศรังสรรค์ พระราชวังเดิม รวมทั้งได้รับอุปการะจากกรมหมื่นอัปสรสุดาเทพอีกด้วย ในสมัยรัชกาลที่ 4 เมื่อพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ครองราชย์ ทรงสถาปนาเจ้าฟ้า กรมขุนอิศเรศรังสรรค์ เป็นพระบาทสมเด็จพระปิ่นกล้าเจ้าอยู่หัว ประทับอยู่วังหน้า (พระบวรราชวัง) สุนทรภู่จึงได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น "พระสุนทรโวหาร" ตำแหน่งเจ้ากรมพระอาลักษณ์ฝ่ายบวรราชวังในปี พ.ศ. 2394 และรับราชการต่อมาได้ 4 ปี ก็ถึงแก่มรณกรรมใน พ.ศ. 2398 รวมอายุได้ 70 ปี ในเขตพระราชวังเดิม ใกล้หอนั่งของพระยามนเทียรบาล (บัว) ที่เรียกชื่อกันว่า "ห้องสุนทรภู่" สำหรับทายาทของสุนทรภู่นั้น เชื่อกันว่าสุนทรภู่มีบุตรชาย 3 คน คือ "พ่อพัด" เกิดจากภรรยาคนแรกคือแม่จัน, "พ่อตาบ" เกิดจากภรรยาคนที่สองคือแม่นิ่ม และ "พ่อนิล" เกิดจากภรรยาที่ชื่อแม่ม่วง นอกจากนี้ ปรากฏชื่อบุตรบุญธรรมอีกสองคน ชื่อ "พ่อกลั่น" และ "พ่อชุบ" อย่างไรก็ตาม ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 6) ทรงตราพระราชบัญญัตินามสกุลขึ้น และตระกูลของสุนทรภู่ได้ใช้นามสกุลต่อมาว่า "ภู่เรือหงส์" ผลงานของสุนทรภู่ หนังสือบทกลอนของสุนทรภู่มีอยู่มาก เท่าที่ปรากฏเรื่องที่ยังมีฉบับอยู่ในปัจจุบันนี้คือ… ประเภทนิราศ - นิราศเมืองแกลง (พ.ศ. 2349) - แต่งเมื่อหลังพ้นโทษจากคุก และเดินทางไปหาพ่อที่เมืองแกลง - นิราศพระบาท (พ.ศ. 2350) - แต่งหลังจากกลับจากเมืองแกลง และต้องตามเสด็จพระองค์เจ้าปฐมวงศ์ไปนมัสการรอยพระพุทธบาทที่จังหวัดสระบุรีในวันมาฆบูชา - นิราศภูเขาทอง (ประมาณ พ.ศ. 2371) - แต่งโดยสมมุติว่า เณรหนูพัด เป็นผู้แต่งไปนมัสการพระเจดีย์ภูเขาทองที่จังหวัดอยุธยา - นิราศสุพรรณ (ประมาณ พ.ศ. 2374) - แต่งเมื่อครั้งยังบวชอยู่ และไปค้นหายาอายุวัฒนะที่จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นผลงานเรื่องเดียวของสุนทรภู่ที่แต่งเป็นโคลง - นิราศวัดเจ้าฟ้า (ประมาณ พ.ศ. 2375) - แต่งเมื่อครั้งยังบวชอยู่ และไปค้นหายาอายุวัฒนะตามลายแทงที่วัดเจ้าฟ้าอากาศ (ไม่ปรากฏว่าที่จริงคือวัดใด) ที่จังหวัดอยุธยา - นิราศอิเหนา (ไม่ปรากฏ, คาดว่าเป็นสมัยรัชกาลที่ 3) แต่งเป็นเนื้อเรื่องอิเหนารำพันถึงนางบุษบา - รำพันพิลาป (พ.ศ. 2385) - แต่งเมื่อครั้งจำพรรษาอยู่ที่วัดเทพธิดาราม แล้วเกิดฝันร้ายว่าชะตาขาด จึงบันทึกความฝันพร้อมรำพันความอาภัพของตัวไว้เป็น "รำพันพิลาป" จากนั้นจึงลาสิกขาบท - นิราศพระประธม (พ.ศ. 2385) –เชื่อว่าแต่งเมื่อหลังจากลาสิกขาบทและเข้ารับราชการในพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ไปนมัสการพระประธมเจดีย์ (หรือพระปฐมเจดีย์) ที่เมืองนครชัยศรี - นิราศเมืองเพชร (พ.ศ. 2388) - แต่งเมื่อเข้ารับราชการในพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว เชื่อว่าไปธุระราชการอย่างใดอย่างหนึ่ง นิราศเรื่องนี้มีฉบับค้นพบเนื้อหาเพิ่มเติมซึ่ง อ.ล้อม เพ็งแก้ว เชื่อว่า บรรพบุรุษฝ่ายมารดาของสุนทรภู่เป็นชาวเมืองเพชร ประเภทนิทาน เรื่องโคบุตร, เรื่องพระอภัยมณี, เรื่องพระไชยสุริยา, เรื่องลักษณวงศ์, เรื่องสิงหไกรภพ พระอภัยมณี ภาพจาก คุณ Mmart Chlk สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม ประเภทสุภาษิต - สวัสดิรักษา คาดว่าประพันธ์ในสมัยรัชกาลที่ 2 ขณะเป็นพระอาจารย์ถวายอักษรแด่เจ้าฟ้าอาภรณ์ - สุภาษิตสอนหญิง เป็นหนึ่งในผลงานซึ่งยังเป็นที่เคลือบแคลงว่า สุนทรภู่เป็นผู้ประพันธ์จริงหรือไม่ - เพลงยาวถวายโอวาท คาดว่าประพันธ์ในสมัยรัชกาลที่ 3 ขณะเป็นพระอาจารย์ถวายอักษรแด่เจ้าฟ้ากลางและเจ้าฟ้าปิ๋ว ประเภทบทละคร - เรื่องอภัยณุรา ซึ่งเขียนขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 4 เพื่อถวายพระองค์เจ้าดวงประภา พระธิดาในพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ประเภทบทเสภา - เรื่องขุนช้างขุนแผน (ตอนกำเนิดพลายงาม) - เรื่องพระราชพงศาวดาร ประเภทบทเห่กล่อม แต่งขึ้นสำหรับใช้ขับกล่อมหม่อมเจ้าในพระองค์เจ้าลักขณานุคุณ กับพระเจ้าลูกยาเธอในพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว เท่าที่พบมี 4 เรื่องคือ เห่จับระบำ, เห่เรื่องพระอภัยมณี, เห่เรื่องโคบุตร และเห่เรื่องกากี ตัวอย่างวรรคทองที่มีชื่อเสียงของสุนทรภู่ ด้วยความที่สุนทรภู่เป็นศิลปินเอกที่มีผลงานทางวรรณกรรม วรรณคดีมากมาย ทำให้ผลงานหลาย ๆ เรื่องของ สุนทรภู่ ถูกนำไปเป็นบทเรียนให้เด็กไทยได้ศึกษา จึงทำให้มีหลาย ๆ บทประพันธ์ที่คุ้นหู หรือ "วรรคทอง" ยกตัวอย่างเช่น บางตอนจาก นิราศภูเขาทอง ถึงโรงเหล้าเตากลั่นควันโขมง มีคันโพงผูกสายไว้ปลายเสา โอ้บาปกรรมน้ำนรกเจียวอกเรา ให้มัวเมาเหมือนหนึ่งบ้าเป็นน่าอาย ทำบุญบวชกรวดน้ำขอสำเร็จ สรรเพชญโพธิญาณประมาณหมาย ถึงสุราพารอดไม่วอดวาย ไม่ใกล้กรายแกล้งเมินก็เกินไป ไม่เมาเหล้าแล้วแต่เรายังเมารัก สุดจะหักห้ามจิตคิดไฉน ถึงเมาเหล้าเช้าสายก็หายไป แต่เมาใจนี้ประจำทุกค่ำคืนฯ ถึงบางพูดพูดดีเป็นศรีศักดิ์ มีคนรักรสถ้อยอร่อยจิต แม้นพูดชั่วตัวตายทำลายมิตร จะชอบผิดในมนุษย์เพราะพูดจา บางตอนจาก นิราศอิเหนา จะหักอื่นขืนหักก็จักได้ หักอาลัยนี้ไม่หลุดสุดจะหัก สารพัดตัดขาดประหลาดนัก แต่ตัดรักนี้ไม่ขาดประหลาดใจ บางตอนจาก พระอภัยมณี บัดเดี๋ยวดังหงั่งเหง่งวังเวงแว่ว สะดุ้งแล้วเหลียวแลชะแง้หา เห็นโยคีขี่รุ้งพุ่งออกมา ประคองพาขึ้นไปจนบนบรรพต แล้วสอนว่าอย่าไว้ใจมนุษย์ มันแสนสุดลึกล้ำเหลือกำหนด ถึงเถาวัลย์พันเกี่ยวที่เลี้ยวลด ก็ไม่คดเหมือนหนึ่งในน้ำใจคน (พระฤาษีสอนสุดสาคร) แม้นใครรักรักมั่งชังชังตอบ ให้รอบคอบคิดอ่านนะหลานหนา รู้สิ่งไรไม่สู้รู้วิชา รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี (พระฤาษีสอนสุดสาคร) อันนินทากาเลเหมือนเทน้ำ ไม่ชอกช้ำเหมือนเอามีดมากรีดหิน แค่องค์พระปฏิมายังราคิน คนเดินดินหรือจะสิ้นคนนินทา เขาย่อมเปรียบเทียบความว่ายามรัก แต่น้ำผักต้มขมชมว่าหวาน ครั้นรักจางห่างเหินไปเนิ่นนาน แต่น้ำตาลว่าเปรี้ยวไม่เหลียวแล ถึงม้วยดินสิ้นฟ้ามหาสมุทร ไม่สิ้นสุดความรักสมัครสมาน แม้เกิดในใต้ฟ้าสุธาธาร ขอพบพานพิศวาสไม่คลาดคลา แม้เนื้อเย็นเป็นห้วงมหรรณพ พี่ขอพบศรีสวัสดิ์เป็นมัจฉา แม้เป็นบัวตัวพี่เป็นภุมรา เชยผกาโกสุมประทุมทอง แม้เป็นถ้ำอำไพใคร่เป็นหงส์ จะร่อนลงสิงสู่เป็นคู่สอง ขอติดตามทรามสงวนนวลละออง เป็นคู่ครองพิศวาสทุกชาติไป (ตอน พระอภัยมณีเกี้ยวนางละเวง ได้ถูกนำไปดัดแปลงเล็กน้อยกลายเป็นเพลง "คำมั่นสัญญา") บางตอนจาก เพลงยาวถวายโอวาท อันความคิดวิทยาเหมือนอาวุธ ประเสริฐสุดซ่อนใส่เสียในฝัก สงวนคมสมนึกใครฮึกฮัก จึงค่อยชักเชือดฟันให้บรรลัย อันอ้อยตาลหวานลิ้นแล้วสิ้นซาก แต่ลมปากหวานหูไม่รู้หาย แม้นเจ็บอื่นหมื่นแสนจะแคลนคลาย เจ็บจนตายเพราะเหน็บให้เจ็บใจ บางตอนจาก สุภาษิตสอนหญิง มีสลึงพึงบรรจบให้ครบบาท อย่าให้ขาดสิ่งของต้องประสงค์ จงมักน้อยกินน้อยค่อยบรรจง อย่าจ่ายลงให้มากจะยากนาน จะพูดจาปราศรัยกับใครนั้น อย่าตะคั้นตะคอกให้เคืองหู ไม่ควรพูดอื้ออึ้งขึ้นมึงกู คนจะหลู่ล่วงลามไม่ขามใจ เป็นมนุษย์สุดนิยมเพียงลมปาก จะได้ยากโหยหิวเพราะชิวหา แม้นพูดดีมีคนเขาเมตตา จะพูดจาพิเคราะห์ให้เหมาะความ รู้วิชาก็ให้รู้เป็นครูเขา จึงจะเบาแรงตนช่วยขวนขวาย มีข้าไทใช้สอยค่อยสบาย ตัวเป็นนายโง่เง่าบ่าวไม่เกรง บางตอนจาก ขุนช้างขุนแผน ตอนกำเนิดพลายงาม แม่รักลูก ลูกก็รู้ อยู่ว่ารัก ใครอื่นสัก หมื่นแสน ไม่แม้นเหมือน จะกินนอนวอนว่า เมตตาเตือน จะจากเรือน ร้างแม่ ก็แต่กาย ลูกผู้ชายลายมือนั้นคือยศ เจ้าจงอุตส่าห์ทำสม่ำเสมียน (ขุนแผนสอนพลายงาม) บางตอนจาก นิราศภูเขาทอง ถึงบางพูดพูดดีเป็นศรีศักดิ์ มีคนรักรสถ้อยอร่อยจิต แม้พูดชั่วตัวตายทำลายมิตร จะชอบผิดในมนุษย์เพราะพูดจาฯ บางตอนจาก นิราศพระบาท เจ้าของตาลรักหวานขึ้นปีนต้น เพราะดั้นด้นอยากลิ้มชิมรสหวาน ครั้นได้รสสดสาวจากจาวตาล ย่อมซาบซ่านหวานซึ้งตรึงถึงทรวง ไหนจะยอมให้เจ้าหล่นลงเจ็บอก เพราะอยากวกขึ้นลิ้นชิมของหวง อันรสตาลหวานละม้ายคล้ายพุ่มพวง พี่เจ็บทรวงช้ำอกเหมือนตกตาล... ที่มาของวันสุนทรภู่ องค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) ซึ่งเป็นผู้ที่มีหน้าที่ส่งเสริมและเผยแพร่ผลงานด้านวัฒนธรรมของประเทศสมาชิกต่าง ๆ ทั่วโลก ด้วยการประกาศยกย่องเชิดชูเกียรติบุคคลผู้มีผลงานดีเด่นทางวัฒนธรรมระดับโลก ในวาระครบรอบ 100 ปีขึ้นไปเป็นประจำทุกปี โดยมีวัตถุประสงค์คือ เพื่อเผยแพร่เกียรติคุณและผลงานของผู้มีผลงานดีเด่นทางด้านวัฒนธรรมระดับโลกให้ปรากฏแก่มวลสมาชิกทั่วโลก และเพื่อเชิญชวนให้ประเทศสมาชิกมีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรมเฉลิมฉลองร่วมกับประเทศที่มีผู้ได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติ ในการนี้ รัฐบาลไทยโดยคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ กระทรวงศึกษาธิการ จะเป็นผู้สืบค้นบรรพบุรุษไทยผู้มีผลงานดีเด่นทางวัฒนธรรม เพื่อให้ยูเนสโกประกาศยกย่องเชิดชูเกียรติ และได้ประกาศยกย่อง "สุนทรภู่" ให้เป็นบุคคลผู้มีผลงานดีเด่นทางวัฒนธรรมระดับโลก โดยในวาระครบรอบ 200 ปีเกิด เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2529 ต่อมาในปี พ.ศ. 2530 นายเสวตร เปี่ยมพงศ์สานต์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ได้ดำเนินการจัดตั้งสถาบันสุนทรภู่ขึ้น เพื่อสนับสนุนการจัดกิจกรรมเกี่ยวกับชีวิตและงานของสุนทรภู่ ให้แพร่หลายในหมู่เยาวชนและประชาชนชาวไทยมากยิ่งขึ้น ดังนั้น ทางรัฐบาลจึงได้กำหนดให้ วันที่ 26 มิถุนายน ของทุกปีเป็น "วันสุนทรภู่" ซึ่งนับแต่นั้น เมื่อถึงวันสุนทรภู่ จะมีการจัดงานรำลึกถึงสุนทรภู่ตามสถานที่ต่าง ๆ เช่น ที่พิพิธภัณฑ์สุนทรภู่ "วัดเทพธิดาราม" และ ที่จังหวัดระยอง และมีการจัดกิจกรรมเชิดชูเกียรติคุณและส่งเสริมศิลปะการประพันธ์บทกวีจากองค์กรต่างๆ โดยทั่วไป ทั้งนี้ ผลงานของสุนทรภู่ยังเป็นที่นิยมในสังคมไทยอย่างต่อเนื่องตลอดมาไม่ขาดสาย และมีการนำไปดัดแปลงเป็นสื่อต่าง ๆ เช่น หนังสือการ์ตูน ภาพยนตร์ เพลง รวมถึงละคร มีการก่อสร้างอนุสาวรีย์สุนทรภู่ ไว้ที่ ตำบลบ้านกร่ำ อำเภอแกลง จังหวัดระยอง ซึ่งเป็นบ้านเกิดของบิดาของสุนทรภู่ และเป็นกำเนิดผลงานนิราศเรื่องแรกของท่านคือ นิราศเมืองแกลง กิจกรรมที่ควรปฏิบัติ ในวันสุนทรภู่ 1. มีการจัดนิทรรศการเกี่ยวกับประวัติชีวิตและผลงาน 2. มีการแสดงผลงานประเภทนิทานของสุนทรภู่ 3. มีการประกวด แข่งขัน ประชันสักวา ตอบคำถามเกี่ยวกับประวัติชีวิต และผลงานของสุนทรภู่

วันอังคารที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2558

GATเซื่อมโยง 150คะแนนเต็ม เตรียมตัวแค่ 5 วัน ทำได้จริง ! มีวีธีบอก

ก่อนที่พี่จะสอบ GATเซื่อมโยง พี่ไม่รุ้อะไรเลย ในหัวไม่รุ้แม้กระทั้งวิธีทำ พี่ก็เห็นเพื่อนๆในห้องเอาหนังสือ GATเซื่อมโยงมาทำบ้างล่ะ มาช่วยกันติวบ้างล่ะพี่ก็ฟังๆแต่ก็ไม่รุ้เรื่องเลย จนกระทั่งไปขอให้รุ่นพี่ข้างบ้านเขาติวให้หน่อย แต่ผลลัพธ์ที่ได้คือ รุ่นพี่เขาบอกว่าให้เอาวีดีโอนี้ไปดู แล้วลองฝึกทำแบบฝึกหัด

พี่ก็ดุวีดีโอ 7 ม้วน ม้วนละ 2ชม. ใช้เวลาเพียง 6 วันก่อนสอบเท่านั้น จริงๆเตรียมตัวแค่ 5 วัน แต่อีก 1 วันสุดท้าย นอนพักเอาแรง ผลสอบประกาศออกมา พี่ได้เต็ม 150 คะแนน ดีใจมากเป็นเพราะวีดีโอของรุ่นพี่บวกกับฝึกแบบฝึกหัดอีกนิดๆหน่อยๆ

ทำไมถึงต้อง 5 วัน?
-จริงๆแล้วตอนแรกพี่มีความคิดที่ว่า GATเซื่อมโยง มันง่าย รอบแรกกะว่าจะไปนั่งมั่วก็เลยไม่ได้สนใจ GATเซื่อมโยงมากนัก เลยเอาเวลาส่วนใหญ่ไปโพกัสวิชาอื่นซะมากกว่า

ขั้นตอนคือ
- เตรียมสมุด ปากกา ดินสอ ยางลบเพื่อใช้ในการจดและทำ mind mapping

วันแรก
- ให้เข้าไปที่  http://bit.ly/gat01watching เพื่อดูม้วนแรก
- จดและจำเทคนิคไว้เพราะม้วนแรกสำคัญมากที่สุด
- เมื่อดูม้วนแรกเสร็จให้ดูพักดื่มน้ำ และนอนเพื่อทำให้สมองมันโล่งเตรียมดูม้วน2 ต่อ
- เข้าไปที่ http://bit.ly/gat02watching เพื่อดูม้วน2
- จดและจำเทคนิค ดูตัวอย่างเพื่อทำความเข้าใจ
- ดูเสร็จแล้วก็พักไปทำอย่างอื่น เล่นเฟส ดูหนัง เตะบอล, etc

วันที่2
- ก่อนดูม้วนที่3 ให้ทำสมองให้ตื่นก่อน
- เข้าไปที่ http://bit.ly/gat03watching เพื่อดูม้วน3
- ดูตัวอย่างทำความเข้าใจและจำเทคนิคเอาไว้
- เมื่อดูม้วน3เสร็จให้ดูพักดื่มน้ำ และนอนเพื่อทำให้สมองมันโล่งเตรียมดูม้วน4 ต่อ
- เข้าไปที่ http://bit.ly/gat04watching เพื่อดูม้วน4
- จดและจำเทคนิค ดูตัวอย่างเพื่อทำความเข้าใจ
- ดูเสร็จแล้วก็พักไปทำอย่างอื่น เล่นเฟส ดูหนัง เตะบอล, etc

วันที่3
- ล้างหน้า ทำสมองให้โล่งที่สุดเพราะวันนี้ต้องดูอีก 3 ม้วนให้จบ
- เข้าไปที่ http://bit.ly/gat05watching เพื่อดูม้วน5
- ดูตัวอย่างทำความเข้าใจสบาย ไม่ต้องจริงจังมากนัก
- เมื่อดูม้วน5เสร็จให้ดูพักดื่มน้ำ และนอนเพื่อทำให้สมองมันโล่งเตรียมดูม้วน6 ต่อ
- เข้าไปที่ http://bit.ly/gat06watching เพื่อดูม้วน6
- จดและจำเทคนิค ดูตัวอย่างเพื่อทำความเข้าใจ
- หากรุ้สึกว่าอีกสักม้วนยังพอรับไว้ ก็ดุต่อ หากไม่ไว้ก็พักก่อน
- เข้าไปที่ http://bit.ly/gat07watching เพื่อดูม้วนสุดท้าย
- ดูเสร็จก็เตรียมหนังสือข้อสอบ GATเซื่อมโยงพร้อมเฉลยไว้เพื่อทำในวันพรุ่งนี้

วันที่4
- วันนี้ให้ทำข้อสอบ GATเซื่อมโยง 3บทความ
- ก่อนเริ่มทำ อย่าเปิดดูเฉลยและวิธีทำ ให้ลงมือทำเลยพร้อมจับเวลา
- เมื่อทำเสร็จให้เปิดดูเฉลย หากทำแล้วถูกหมด ให้ข้ามไปยังบทความต่อไป
- หากผิดสัก 1-3 จุด ไม่เป็นไรให้อ่านอธิบายเฉลย
- ทำอีก 2 ฉบับ ที่สำคัญคืออีก 2 ฉบับสุดท้ายต้องทำให้ได้เต็ม
- หากผิดก้ไม่เป็นไร แต่ขอให้ถูกหมดสักฉบับในวันนี้
- ทำเสร็จก็นอนหรือไปทำกิจกกรมอื่นได้ตามสบาย

วันที่5
- สำหรับคนไหนที่ทำแบบฝึกหัดในวันที่4 ถูกหมดเลย 3 ฉบับก็พักผ่อนเอาแรง
- แต่สำหรับคนไหนที่ทำแล้วยังมีผิดอยุ่บ้าง ผิดแค่จุดเดียวก็นับให้ทำอีก 3 ฉบับ
- วันนี้ข้อสำคัญคือต้องถูกหมดเลย 3 ฉบับ
- เมื่อทำเสร็จแล้ว พักผ่อนเอาแรงแล้วหันไปโพกัสวิชาอื่นแทน

ทำไมวิชา GAT ถึงใช้เวลาเตรียมตัวตั้งแต่ขั้นพื้นฐานแค่แปปเดียว?
-เพราะวิชา GATเซื่อมโยงนั้นไม่มีอะไรมาก ไม่มีอะไรให้คิดวุ่นวาย แค่เดินไปตามเกมที่สทศ.เขาออกแบบมาให้เท่านั้น
วิชานี้ใครเชื่อฟังข้อสอบ คนนั้นก็ได้คะแนนเต็ม พี่จึงคิดว่าเอาเวลาไปโพกัสวิชาอื่นดีกว่า

link ต้นฉบับสำหรับดูวีดีโอ GAT : http://bit.ly/gaching
สำหรับใครที่อยากโหลดวีดีโอกลับไปดู ก็ทางนี้เลย : http://bit.ly/gatdownload

วันศุกร์ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

ประวัติ Mr.Bean

ประวัติ
มิสเตอร์บีน หรือ โรแวน เซบาสเตียน แอ็ตคินสัน เกิดเมื่อวันที่ 6 มกราคม 1955 เขาเป็นหนุ่มอังกฤษที่เกิดมาในครอบครัวชาวนาที่อบอุ่นในแถบคอนเซตท์ ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองเดอร์แฮม ครบถ้วนด้วยพ่อคือ อีริค และแม่คือ นางแอลลา เมย์ แอ็ตคินสัน นอกจากนี้เขายังมีพี่น้องผู้ชายอีก 2คนคือ รูเพิร์ต และรอดนีย์ แอ็ตคินสัน แม้ว่าโรแวนจะเกิดมาในครอบครัวของชาวนา แต่พ่อแม่ของเขาก็สนับสนุนด้านการศึกษาอย่างเต็มที่ ตั้งแต่วัยเยาว์ โรแวนได้เข้าเรียนที่โรงเรียนโบสถ์ในเมืองเดอร์แฮม จากนั้นก็ไปต่อชั้นมัธยมที่โรงเรียนเซนต์บีส์ และเข้า ศึกษาระดับมหาวิทยาลัย ด้านวิศวกรรมไฟฟ้าที่มหาวิทยาลัยนิวคาสเซิล ซึ่งถือเป็นสถาบันที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของอังกฤษ เมื่อจบปริญญาตรีมาแล้วเขาก็ไม่หยุดเพียงเท่านั้น เขาได้เข้าศึกษาต่อในระดับปริญญาโทด้านวิทยาศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยชื่อดังอย่างมหาวิทยาลัยอ๊อกซ์ฟอร์ด ควีนส์ คอลเลจ ซึ่งที่นี่เองที่ทำให้แววการเป็นนักแสดงตลกของโรแวนฉายออกมา จากการที่เขาได้เขียนบทละครและแสดงในงานของมหาวิทยาลัย (Oxford University Dramatic Society) รวมถึงละครชุดและชมรมละคร ซึ่งทำให้เขาได้รู้จักกับ ริชาร์ด เคอร์ทิส นักเขียนชื่อดังและนักแต่ง โฮเวิร์ด กูดอลล์ ซึ่งเขาก็ยังได้ติดต่อกันเรื่อยมา จนเมื่อเขาจบการศึกษามาแล้ว ใช่ว่าเขาจะนำความรู้ที่ได้เรียนมาเป็นเส้นทางหลักในการทำงาน หากแต่เขาได้ใช้ความรักในศิลปการแสดงจากภายในที่เขามี มาประยุกต์ใช้จนได้เดินไปในทางที่เขารัก ซึ่งงานแรกที่ทำให้เขาเป็นที่รู้จักคือ งานแสดงศิลปะโลกเทศกาล อีดินเบิร์ก ฟรินช์ ในปี ซึ่งเขาได้เริ่มการแสดงในแนวที่เขาถนัดคือแนวตลกอย่างเต็มตัว
โรแวนเป็นหนุ่มที่มองโลกในแง่ดี และตั้งแต่เด็กมานั้นเขาเป็นคนที่พูดติดอ่างมาโดยตลอด แต่อาการดังกล่าวก็หาได้เป็นปมด้อยของเขาไม่ เมื่อเขาโตขึ้น อาการติดอ่างก็ลดลงจนไม่ถือเป็นปัญหาสำหรับโรแวนอีกต่อไป อย่างไรก็ตาม เมื่อใดที่เขารู้สึกเครียดหรืออยู่ในสถานการณ์ที่กดดัน ก็จะทำให้เขาติดอ่างขึ้นมาได้อีกโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาต้องออกเสียงใน ตัวอักษร บี (B) ซึ่งนี่ยังเป็นปัญหาของเขาอย่างต่อเนื่อง แต่เขาก็จะหาทางแก้ปัญหาหรือเอาชนะปัญหานั้นอย่างชาญฉลาด โดยจะออกเสียงคำนั้นๆ อย่างชัดเจน และเน้นจนเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว และทำให้คนทั่วไปติดภาพความเป็นตัวตนของ โรแวน แอ็ตคินสัน นี่เองที่เป็นจุดสร้างความฮาให้กับคนทั่วไปได้อย่างมาก และก่อนที่เขาจะทำการแสดง เขาก็ต้องเตรียมพร้อมสำหรับการออกเสียงอย่างมาก โดยจะมีการเขียนสคริปท์เพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจ และลดปัญหาการออกเสียงผิดๆ ที่จะเกิดขึ้นสำหรับโรแวน จนวันนี้ ลักษณะของ มิสเตอร์บีนโดยโรแวน แอ็ตคินสันนั้น ก็ได้สร้างความคุ้นเคยให้คนทั่วไปได้รู้จักและรักเขาเสมือนตลกสมัยก่อน ชาร์ลี แชปลิน นอกจากนี้โรแวนยังได้รับฉายาว่าเป็นตลกหน้าย้วย เพราะหากดูให้ดี การแสดงที่เขาได้ถ่ายทอดออกมานั้นจะไม่เน้นบทสนทนาเป็นหลัก แต่จะสื่อออกมาในรูปแบบของหน้าตาที่ปรับเปลี่ยนไปมาของเขา ที่ทำให้ดูตลกได้ไม่ว่าเขาจะทำหน้าอย่างไร
จากพรสวรรค์ที่มีในตัวของโรแวน ในปี 1978 เขาได้รับการเสนอให้ทำละครชุดเรื่อง “Not the Nine O’Clock News” ซึ่งอำนวยการสร้างโดย จอห์น ลอยด์ ส่วนตัวเขาเองนั้นก็รับหน้าที่ถนัดในส่วนของการเขียนบทละคร และร่วมแสดงกับพาเมล่า สตีเฟนสัน, กริฟฟ์ รีส จอห์น และ เมล สมิธ ความสำเร็จของ Not the Nine O’Clock News นั้นทำให้เขาได้รับงานต่อเนื่อง ในปี 1983 เขาก็ได้รับงานเรื่องต่อมาคือ “Black Adder” ซึ่งแน่นอนว่าเขาก็ได้ทำหน้าที่การเขียนบทเช่นเคย แต่ในครั้งนี้เขาได้ทำงานร่วมกับ ริชาร์ด เคอร์ทิส ผู้ที่เขาได้รู้จักมาตั้งแต่สมัยเรียนหนังสือ และแม้เรื่อง Black Adder จะเป็นละครชุดเรื่องใหม่ แต่ก็สามารถเรียกความนิยมได้เป็นอย่างดี จนทำให้ได้รับการแต่งภาค 2-4 ตามออกมาอย่างต่อเนื่องใน ทั้ง Black Adder the Third และ Black Adder Goes Forth ซึ่งละครชุดดังกล่าวก็ได้สร้างกระแสความนิยม และถือเป็นการประสพความสำเร็จอย่างมากของช่อง BBC ในปี 1980
นอกจากนี้ในส่วนของละครที่เป็นที่นิยมอย่างมากอีกเรื่องหนึ่ง ที่เรียกเสียงตอบรับจากผู้ชมทั่วโลกคือ “Mr. Bean” ซึ่งในช่วงแรกนั้น Mr. Bean ได้รับผลิตการออกมาชิมลางก่อนเพียงครึ่งชั่วโมง ในช่อง Thames และแน่นอนว่าความนิยมในตัวละครเรื่องMr. Bean นั้นก็ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นจนทำให้ละครขำฮาดังกล่าวถูกสร้างออกมา อย่างต่อเนื่อง และได้รับการนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ในปี 1997 เรื่อง Mr. Bean นี้ก็ได้รับความร่วมมือจากดารานำแสดงจากเรื่อง Not the Nine O’Clock คือ เมล สมิธ และเรื่องนี้เองที่ได้รับความนิยมอย่างมหาศาลจนทำให้โรแวน แอ็ตคินสันเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก ค่าตอบแทนที่ได้มาอย่างมากมายนั้นก็ทำให้เขาสามารถนำเงินไปซื้อสิ่งที่เขา รักได้ นั่นคือรถยนต์ McLaren F1 ต่อมา ได้มีการดึงไอเดียจากเรื่อง Mr. Bean มาสร้างเป็นภาพยนตร์ และแน่นอนว่า Mr. Bean ได้รับการตอบรับอย่างดีจนถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์อีกครั้งในปี 2006 ซึ่งโรแวนเองได้กล่าวว่านี่อาจจะถึงจุดอิ่มตัวแล้วสำหรับเขาในการที่จะสวมบท Mr. Bean ด้วยอายุของเขาเองที่มากขึ้นและ Mr. Bean เองก็น่าจะหยุดเพื่อที่จะอยู่ในความทรงจำที่น่าประทับใจเพียงเท่านี้
โรแวน แอ็ตคินสันนั้นขึ้นทำเนียบ 50 ดาราฮาระเบิดใน เกาะอังกฤษในปี 2003 และต่อมาในปี 2005 โพลก็ได้โหวตเขาขึ้นมาจากดาราตลก 50 คนให้เขากลายเป็นดาราตลกที่สร้างความฮาได้มากที่สุด และจากความตลกที่มีในสายเลือดของเขา ทำให้เขาได้รับการทาบทามให้ถ่ายโฆษณาจากสินค้าและสื่ออื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น ฮิตาชิ, ฟูจิฟิล์ม และโครงการบริจาคเลือด
โรแวนนั้นถือเป็นดาราที่ร่ำรวยคนหนึ่ง ประเมินกันว่าเขามีเงินถึง 60 ล้านปอนด์เลย ทีเดียว ซึ่งถ้าถามว่าร่ำรวยขนาดนี้ เขาเอาเงินไปซื้อหาความสุขเข้าตัวด้วยการซื้ออะไร ก็ต้องบอกเลยว่าโรแวนชอบการแข่งรถเป็นชีวิตจิตใจ โดยเมื่อเขายังเป็นเด็กหนุ่มอยู่ที่ฟาร์มของบ้านเขานั้น เขามักจะขับรถมอรร์ริส ไมเนอร์ของแม่วนไปรอบโรงนาเสมือนหนึ่งเป็นรถไถ และใช่ว่าเขาจะขับเป็นเฉพาะรถทั่วไป สำหรับโรแวนแล้ว เมื่อต้องการที่จะรู้เรื่องอะไรก็ตาม เขาต้องรู้ให้ซึ้ง และสามารถเข้าถึงได้ทุกเรื่องที่เขารัก เรื่องรถก็เช่นกัน เขาสามารถขับรถได้แทบทุกประเภท รวมถึงรถใหญ่ซึ่งเขาก็ได้ใบอนุญาตขับรถใหญ่มาแล้วด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ ด้วยความที่เขาเป็นคนที่สนใจเรื่องรถเป็นอย่างมาก เขายังได้ใช้ความสามารถในการรักการเขียนของเขาไปเขียนบทความให้กับหนังสือ ชื่อดังเกี่ยวกับรถของอังกฤษ ชื่อ Car and Evo Magazine
นอกจากโรแวนจะเป็นคนที่ชอบรถแล้ว เขายังชอบแข่งรถอีกด้วย และถึงแม้เขาจะไม่ค่อยได้มีโอกาสออกไปแข่งรถตามที่ใจเขารักบ่อยนัก แต่เขาก็นำความอยากเป็นนักแข่งมาใส่ตัวตนของเขา และเสนอออกมาในรูปแบบของการเล่นละครได้ในที่สุด ซึ่งมันก็สามารถไปด้วยกันได้อย่างลงตัวเลยทีเดียว ในปี 1995 เขาได้สวมบทบาทของนักแข่งรถชื่อดังเฮนรี่ เบอร์กิน ในการแสดงละครทางโทรทัศน์เรื่อง “Trottle” พร้อมกันนี้โรแวนก็ได้สะสมรถไว้หลายรูปแบบ เริ่มที่แอสตัน มาร์ติน วี 8 ซึ่งเป็นรถคันแรกของเขาซึ่งเขาได้ใช้เงินก้อนแรกจากการเป็นนักแสดงซื้อมา เพราะติดใจในรูปแบบของของรถ เนื่องจากเขาได้ใช้รถดังกล่าวในการแสดง และรู้สึกชอบอย่างมาก จึงได้ซื้อมาเก็บไว้เป็นของส่วนตัว ต่อด้วยแอสตัน มาร์ติน 8 ซากาโต้, รถยนต์ออดี้ A 8 ซึ่งถือเป็นรถที่ใช้สำหรับครอบครัว และยังมีรถอื่นๆ อีกหลายคัน ซึ่งส่วนมากจะเป็นรถแข่งมากกว่ารถขับทั่วไป แต่รถที่โรแวนไม่ซื้อเลยคือรถปอร์เช่ เนื่องจากเขาให้เหตุผลว่า ถึงแม้ว่าปอร์เช่จะเป็นรถที่วิเศษที่สุด แต่เขาก็รู้ว่าเขาเข้ากับมันไม่ได้

วันจันทร์ที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

คำศัพท์ภาษาอังกฤษสำหรับเตรียมสอบ TOEFL

คำศัพท์ภาษาอังกฤษสำหรับเตรียมสอบ TOEFL จำนวน 6,412 คำ สำหรับผู้สนใจได้นำไปทบทวนเพื่อการเตรียมตัวสอบ
TOEFL VOCABULARY / เตรียมศัพท์ภาษาอังกฤษสอบ TOEFL
toefl.png - 35.99 Kb

คำศัพท์ชุดอักษร A (465 คำ)

ลำดับ
คำศัพท์
ลักษณะ
คำแปล
1
a few
n, adv., adj.
บ้างเล็กน้อย, ส่วนน้อย, นิดเดียว, ครู่หนึ่ง
2
abandon
n., v.
ละทิ้ง, สละ,เสรีภาพ, ความกระตือรือร้น
3
abash
v.
ทำให้เขิน,ทำให้อาย,ทำให้ประหม่า
4
abate
v.
ทำให้น้อยลง, ทำให้สิ้นสุด
5
abbess
n.
บาทหลวงหญิง, หัวหน้าสำนักแม่ชี, หัวหน้านางชี
6
abbeys
n.
วัด, สำนักสงฆ์, โบสถ์, เจ้าวัด, พระทั้งหมดของวัด
7
abbot
n.
เจ้าอาราม, เจ้าวัด, อธิการวัด, เจ้าอาวาส, สมภาร
8
abdicate
v.
สละ, ถอนตัว, ละเลย
9
abet
v.
ให้กำลังใจ, สนับสนุน, กระตุ้นความรู้สึกให้ดีขึ้น, หนุนหลัง, ยุยงส่งเสริม
10
abhor
v.
เกลียดชัง, เกลียด, ชิงชัง, รังเกียจ, ขยะแขยง
11
abide
v.
ทน, ยอมทน, อดทน, ทนต่อ, รอคอย, อาศัย, พักอาศัย, อาศัยอยู่
12
abject
adj.
น่าสังเวชใจ, น่าสงสาร, ต่ำช้า, เลวทราม, ถ่อมตัว, ต่ำต้อย
13
abnormal
adj.
ผิดปกติ, ผิดธรรมดา, ผิดวิสัย, ผิดแปลก, วิปริต, วิปลาส
14
aboard
adv., prep.
บนยานพาหนะ, บนเรือ,บนเครื่องบิน,บนรถ,ไปทางข้าง
15
abode
n., v.
บ้าน, ที่พัก, ที่อยู่อาศัย, ถิ่นที่อยู่
16
abolish
v.
ล้มเลิก, ระงับ
17
abolition
n.
การเลิกล้ม, ลบล้าง
18
abominate
v.
เกลียดชัง, ไม่ชอบ, ชิงชัง, รังเกียจ, ขยะแขยง
19
abound
v.
มากมาย, ชุกชุม, หนาแน่น, ดาษดื่น, อุดมสมบูรณ์
20
abridge
v.
ย่อ, ตัดทอน, ทำให้สั้นลง, ตัดสิทธิ์, ทำให้น้อยลง
21
abrogate
v.
ยกเลิก, เพิกถอน, เลิกล้ม
22
abrupt
adj.
ทันทีทันใด, ซึ่งขาดตอน, เกิดหรือจบลงอย่างไม่คาดหมาย
23
absence
n.
ขาด; ไม่อยู่
24
absent
adj., v.
ขาด, ไม่มา, ไม่เข้าร่วม, ปราศจาก
25
absolve
v.
อภัยโทษ, อภัยบาป, ให้อภัย, ปล่อยให้พ้นผิด
26
absorb
v.
ดูดซึม, ซึมซับ, หมกมุ่น, สนใจ, ทำให้ง่วนอยู่กับ, รับรู้
27
abstain
v.
ละเว้น, ไม่ลงคะแนนเสียง, ไม่ฟุ่มเฟือยในการกินและดื่ม, อด, สละสิทธิ์, งดเว้น
28
abstemious
adj.
ตามอัตภาพ, พอประมาณ
29
abstract
n., adj.
ข้อสรุป, บทคัดย่อ, นามธรรม
30
abstruse
adj.
ยากที่จะเข้าใจ, เร้นลับ, ซ่อนเร้น, ไม่แจ่มแจ้ง
31
absurd
adj.
เหลวไหล, น่าหัวเราะ, โง่เขลา, ไร้สาระ, ที่ไม่เป็นเหตุเป็นผล
32
abundance
n.
มากมาย, อุดมสมบูรณ์
33
abundant
adj.
มากมาย, ท่วมท้น, เต็มเปี่ยม, เยอะแยะ, อุดมสมบูรณ์
34
abuse
v.
ความรุนแรง, กระทำทารุณ
35
abyss
n.
นรกอเวจี, ลึกซึ้ง, ลึก, สถานการณ์ที่เลวร้าย, วัดไม่ได้, เหลือประมาณ
36
academic
adj.
เกี่ยวกับวิชาการ, ในทางทฤษฎี, วิทยาลัยหรือมหาวิทยาลัย
37
academy
n.
โรงเรียน, สถาบันการศึกษา, กลุ่มผู้ทรงคุณวุฒิ, วิทยาลัย, ในทางวิชา
38
accede
v.
ยอมทำตาม, พอใจกับ, เห็นด้วย
39
accelerate
v.
เพิ่มความเร็ว, เร่งให้เกิดขึ้น
40
accent
n.
การออกเสียง, การเน้นคำ

วันเสาร์ที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

เรียนเมืองนอกฟรี...ก็มีในโลก!!!

1. ประเทศฟินแลนด์
เรียนเมืองนอกฟรี...ก็มีในโลก!!!
       ประเทศฟินแลนด์ ถือว่าเป็นประเทศที่มีระบบการศึกษาดีที่สุดในโลก และสถิติทางการศึกษาที่น่าสนใจก็คือ มีนักเรียนของประเทศฟินแลนด์จำนวน 66% เข้าเรียนต่อระดับมหาวิทยาลัย ถือว่าเป็นตัวเลขที่สูงสุดในทวีปยุโรป ประเทศฟินแลนด์จึงเป็นอีกหนึ่งประเทศที่น่าสนใจ หนึ่งตัวเลือกที่ควรนำมาพิจารณาเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศชื่อดังอย่าง อังกฤษ อเมริกา และออสเตรเลีย ซึ่งมีมาตรฐานไม่แพ้กัน และที่สำคัญประเทศฟินแลนด์เปิดโอกาสให้นักศึกษาต่างชาติสามารถเรียนฟรีในระดับปริญญาได้โดยมีสิทธิเท่าเทียมกับพลเมืองในประเทศ สามารถสมัครเข้าเรียนได้เหมือนมหาวิทยาลัยทั่วไป ถ้าทางมหาวิทยาลัยตอบรับก็จะเข้าไปศึกษาต่อได้เลยโดยที่ไม่ต้องขอทุน แต่ไม่ใช่ว่าทุกมหาวิทยาลัยในประเทศฟินแลนด์ที่จะเปิดให้เรียนฟรี เพราะมีเพียงบางสถาบันเท่านั้น 
      
       รายละเอียดทุน : ค่าเล่าเรียนฟรีเต็มจำนวนการศึกษาในระดับปริญญาตรีของแต่ละคณะ มหาวิทยาลัยส่วนใหญ่จะไม่ออกค่าครองชีพและค่าที่พักให้ นักเรียนต่างชาติจึงต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในส่วนนี้เอง ซึ่งจะอยู่ที่ประมาณเดือนละ 4,500-6,000 FIM คิดเป็นเงินไทยประมาณ 30,000-40,000 บาทต่อเดือน มหาวิทยาลัยในฟินแลนด์ส่วนมากเริ่มเปิดรับสมัครในเดือนมกราคม
เรียนเมืองนอกฟรี...ก็มีในโลก!!!
University of Tampere
       เงื่อนไข : 
       -ยื่นหลักฐานการสมัครที่มหาวิทยาลัยโดยตรง ไม่มีเอเยนซีใดๆ ถ้ามหาวิทยาลัยตอบรับ ก็จะส่งเอกสารประกอบการขอวีซ่ามาให้ เช่น หนังสือตอบรับการเข้าเรียน, เอกสารการจองที่พัก (หลักประกันว่าเรามีที่อยู่แน่นอน) 
       -ต้องมีเงินฝากในบัญชีธนาคาร ซึ่งเรียกว่า “Living Cost” เพื่อยืนยันคุณมีเงินทุนเพียงพอสำหรับค่าครองชีพ โดยปกติไม่น้อยกว่า 6,000 ยูโร ต่อปี หรือ 500 ยูโรต่อเดือน เพื่อเป็นหลักฐานประกอบการขอวีซ่า 
       -นักเรียนต่างชาติยังต้องสมัครวีซ่าระยะยาวหรือใบอนุญาตมีถิ่นที่อยู่ เรียกว่า “resident permit” เพื่อจะเรียนที่นั้นได้ 
       -ปริญญาตรีส่วนใหญ่จะใช้ “ภาษาฟินนิช” ในการเรียนการสอน ดังนั้นผู้ที่จะไปศึกษาต่อควรเตรียมตัวด้านภาษาให้พร้อม 
       -เงื่อนไขสำคัญที่จะทำให้คุณเป็นผู้ถูกเลือกนั่นก็คือ “การเขียนจดหมายแนะนำตัว” ให้น่าสนใจและมีจุดเด่น ถึงจะผ่านการคัดเลือกจากทางมหาวิทยาลัยได้ 
       -อีกหนึ่งอุปสรรคที่สำคัญมากในการตัดสินใจไปเรียนต่อประเทศในแถบสแกนดิเนเวียนั่นก็คือ “สภาพอากาศที่หนาวเย็นมาก” ต้องตัดสินใจให้ดี
เรียนเมืองนอกฟรี...ก็มีในโลก!!!
University of Lapland
       รายชื่อมหาวิทยาลัยในประเทศฟินแลนด์ที่เปิดให้เรียนฟรี : มหาวิทยาลัยในประเทศฟินแลนด์เปิดในนักศึกษาจากต่างประเทศสามารถไปศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีเป็นจำนวนมาก เราจึงขอเสนอเพียงรายชื่อมหาวิทยาลัย หากท่านที่สนใจสามารถเข้าไปดูรายละเอียดตรวจสอบสาขาที่เปิดสอน วันและเวลาในการรับสมัครของทางมหาวิทยาลัยได้ตามเว็บไซต์ของมหาวิทยาลัยนั้นๆ ได้เลย
เรียนเมืองนอกฟรี...ก็มีในโลก!!!
University of Helsinki 
       - University of Tampere  (www.uta.fi)
       - University of Lapland (www.ulapland.fi/)
       - University of Helsinki (www.helsinki.fi)
       - Finnish Academy of Fine Arts (www.kuva.fi/)
       - University of Vassa (www.uva.fi)
       - Abo Akademi University (www.abo.fi/public/en/)
       - Tampere University of Technology (www.tut.fi/en/)
      
       2. ประเทศนอร์เวย์
เรียนเมืองนอกฟรี...ก็มีในโลก!!!
       ประเทศนอร์เวย์ถือเป็นประเทศที่มีคุณภาพชีวิต และคุณภาพการศึกษาติดอันดับต้นๆ ของโลก แถมรัฐบาลยังช่วยส่งเสริมการศึกษาของนักเรียนอย่างเต็มที่ และยังเป็นอีกหนึ่งประเทศในแถบสแกนดิเนเวียที่เปิดโอกาสให้นักศึกษาจากต่างประเทศเข้าศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีฟรี ซึ่งทั้งนอร์เวย์ และฟินแลนด์เป็นประเทศรัฐสวัสดิการ ไม่ใช่แค่ดูแลเด็กภายในประเทศเท่านั้นแต่รัฐบาลยังดูแลเด็กจากต่างชาติอีกด้วย แม้ว่าจะมีข่าวลืออยู่เรื่อยๆ ว่าจะเริ่มเก็บค่าเล่าเรียนแล้ว แต่ปัจจุบันทั้งสองประเทศนี้ก็ยังเปิดให้เรียนฟรีตามปกติ
      
       รายละเอียดทุน : หมือนกับประเทศฟินแลนด์คือ ค่าเล่าเรียนฟรีเต็มจำนวน ซึ่งระบบการศึกษาในประเทศนอร์เวย์ระดับปริญญาตรีจะใช้เวลาเรียน 3 ปี และปริญญาโท 2 ปี จะไม่ออกค่าครองชีพและค่าที่พักให้ นักศึกษาจึงต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในส่วนนี้เอง ค่าครองชีพที่นอร์เวย์จะตกอยู่ที่ประมาณเดือนละ 45,000 บาทขึ้นไป มหาวิทยาลัยในนอร์เวย์ส่วนมากเริ่มเปิดรับสมัครในเดือนพฤศจิกายนเป็นต้นไป
เรียนเมืองนอกฟรี...ก็มีในโลก!!!
University of Oslo
       เงื่อนไข : 
       -ยื่นหลักฐานการสมัครที่มหาวิทยาลัยโดยตรง ไม่มีเอเยนซีใดๆ ถ้ามหาวิทยาลัยตอบรับ ก็จะส่งเอกสารประกอบการขอวีซ่ามาให้ เช่น หนังสือตอบรับการเข้าเรียน, เอกสารการจองที่พัก (หลักประกันว่าเรามีที่อยู่แน่นอน) 
       -ต้องมีเงินฝากธนาคารของประเทศนอร์เวย์ ซึ่งเรียกว่า “Living Cost” เพื่อยืนยันคุณมีเงินทุนเพียงพอสำหรับค่าครองชีพ โดยปกติไม่น้อยกว่า 6,000 ยูโร (ประมาณ 265,410 บาท) ต่อปี หรือ 500 ยูโร (ประมาณ 22,117 บาท) ต่อเดือน เพื่อเป็นหลักฐานประกอบการขอวีซ่า 
       -นักเรียนต่างชาติยังต้องสมัครวีซ่าระยะยาวหรือใบอนุญาตมีถิ่นที่อยู่ เรียกว่า “resident permit” เพื่อจะเรียนที่นั้นได้ 
       -เงื่อนไขสำคัญที่จะทำให้คุณเป็นผู้ถูกเลือกนั่นก็คือ “การเขียนจดหมายแนะนำตัว” ให้น่าสนใจและมีจุดเด่น ถึงจะผ่านการคัดเลือกได้
เรียนเมืองนอกฟรี...ก็มีในโลก!!!
University of Bergen
       รายชื่อมหาวิทยาลัยในประเทศนอร์เวย์ที่เปิดให้เรียนฟรี : 
       
       -University of Oslo (www.uio.no/)
       -University of Bergen (www.uib.no)
       -Norwegian University of Science and Technology (www.ntnu.edu/)
       -University of Tromsø (en.uit.no/)
       -University of Stavanger (www.uis.no/)
       -University Centre in Svalbard (www.unis.no/)
      
       3. ประเทศญี่ปุ่น
เรียนเมืองนอกฟรี...ก็มีในโลก!!!
       เป็นอีกหนึ่งประเทศที่เหล่าบรรดานักเรียน-นักศึกษาใฝ่ฝันอยากจะไปศึกษาต่อ ประเทศที่ใครๆ ต่างร่ำลือกันว่าค่าใช้จ่ายรวมถึงค่าครองชีพในมหาวิทยาลัยนั้นค่อนข้างสูง แต่ประเทศญี่ปุ่นก็ยังเปิดโอกาสให้ทุนการศึกษาฟรีในระดับปริญญาตรี ผ่านทางกระทรวงศึกษาธิการ วัฒนธรรม กีฬา วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี ประเทศญี่ปุ่น ให้แก่นักเรียนต่างชาติเป็นประจำทุกปี ซึ่งทางรัฐบาลญี่ปุ่นก็ได้มอบทุนเรียนฟรีให้กับประเทศไทยเช่นเดียวกัน โดยในปีนี้เป็นทุนการศึกษาประจำปี 2558 เริ่มเปิดรับสมัครช่วงเดือนมิถุนายน 2557 ที่ผ่านมา โดยเปิดรับสมัครทั้งหมด 5 สาขาวิชาดังนี้ สาขาสังคมศาสตร์, มนุษยศาสตร์, วิทยาศาสตร์ธรรมชาติ, แพทย์ และเภสัชศาสตร์ โดยสามารถเลือกเรียนในมหาวิทยาลัยใดก็ได้ในประเทศญี่ปุ่น
      
       รายละเอียดทุน : ทุนการศึกษานี้มีระยะเวลาทั้งหมด 6-7 ปี สำหรับผู้สมัครที่เลือกในสาขา แพทยศาสตร์ ทันตแพทย์ สัตวแพทย์ และเภสัชศาสตร์ ที่ต้องเรียน 6 ปี รวมคอร์สภาษาญี่ปุ่นอีก 1 ปี ก็จะใช้เวลารวม 7 ปี ได้รับค่าใช้จ่ายทั้งหมดจนจบปริญญาตรี ค่าตั๋วเครื่องบินไปกลับประเทศญี่ปุ่น และค่าใช้จ่ายรายเดือน 117,000 เยน หรือประมาณ 37,000 บาท และต้องทำวีซ่าที่เรียกว่า “College Student” ryugaku, visas ที่สถานทูตญี่ปุ่นในประเทศตน ก่อนเดินทางไปญี่ปุ่น หากผ่านการคัดเลือกแล้ว 
      
       เงื่อนไข : สัญชาติไทย มีอายุระหว่าง 17-21 ปี มีเกรดเฉลี่ย 3.80 ขึ้นไป (เกรดเฉลี่ย 3.50 ต้องผ่านการวัดระดับภาษาญี่ปุ่น 3 หรือ 4 ถ้าเกรดเฉลี่ย 3.30 ต้องผ่านการวัดระดับภาษาญี่ปุ่น 1 หรือ 2) และต้องสอบข้อเขียนเป็นภาษาอังกฤษในแต่ละสาขาวิชาที่เลือกด้วย เอกสารทุกอย่างต้องอยู่ในรูปแบบภาษาอังกฤษหรือภาษาญี่ปุ่น
      
       ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : 
       www.mext.go.jp/a_menu/koutou/ryugaku/boshu/1346539.htm
      
       ***หมายเหตุ*** ผู้สนใจจะต้องคอยเช็กว่าแต่ละปีจะมีมหาวิทยาลัย คณะ และสาขาใดบ้างที่เปิดรับสมัคร
      
       4. ประเทศเกาหลี
เรียนเมืองนอกฟรี...ก็มีในโลก!!!
       นอกจากเกาหลีจะเป็นประเทศสวยงามแล้ว การศึกษาของประเทศเกาหลีก็ยังอยู่ในอันดับต้นๆ ของเอเชียอีกด้วย ทางรัฐบาลเกาหลีได้ให้การสนับสนุนและส่งเสริมในด้านการศึกษาเป็นอย่างมาก โดยให้ทุนแก่นักศึกษาจากต่างประเทศได้มีโอกาสเข้ามาศึกษาต่อยังมหาวิทยาลัยในประเทศเกาหลีเป็นประจำทุกปี โดยทุนดังกล่าวเป็นทุนที่จะช่วยส่งเสริมประเทศกำลังพัฒนา อย่างทุนเรียนฟรีจาก “Catholic University of Korea หรือ มหาวิทยาลัยคาทอลิก” เป็นทุนการศึกษาในระดับปริญญาตรี ซึ่งอาจจะต้องแข่งขันกันอยู่สักหน่อย เพราะแต่ละปีก็จะมีทุนเรียนฟรีดีๆ แบบนี้มาไม่กี่ทุนเท่านั้น 
      
       รายละเอียดทุน : ผู้ที่ได้รับคัดเลือกจะได้รับทุนที่ครอบคลุมค่าเล่าเรียน ค่าที่พัก และค่าใช้จ่ายรายเดือนเป็นเงิน 250,000 วอน (7,962 บาทไทย) ต่อเดือน เป็นเวลา 4 ปี จนจบการศึกษา
เรียนเมืองนอกฟรี...ก็มีในโลก!!!
Catholic University of Korea
       เงื่อนไข : จะต้องจบการศึกษาในระดับมัธยมปลายแล้ว หรือกำลังจะจบ มีความสนใจในด้านการศึกษาคาทอลิก และเกาหลีศึกษาเป็นพิเศษ เกรดเฉลี่ยรวม 3.0 เป็นต้นไป และมีผลสอบอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้ TOEFL iBT 80 คะแนนขึ้นไป /IELTS 5.5 คะแนนขึ้นไป / TOPIK ระดับ 3 ขึ้นไป ที่สำคัญผู้ที่จะสามารถผ่านการคัดเลือกเป็นผู้รับทุนได้นั้นจะต้องเขียน “เรียงความบอกเล่าประวัติแนะนำตนเอง แผนการศึกษา และเป้าหมายในอนาคต” ให้ตรงใจคณะกรรมการในการคัดเลือก ซึ่งเอกสารทั้งหมดต้องอยู่ในรูปภาษาเกาหลีหรือภาษาอังกฤษเท่านั้น 
      
       ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ :
       http://www.catholic.ac.kr/~cukintl/eng/news.html
      
       ***หมายเหตุ*** ผู้สนใจจะต้องคอยเช็กว่าแต่ละปีจะมีมหาวิทยาลัย คณะ และสาขาใดบ้างที่เปิดรับสมัคร
      
       5. ประเทศจีน
เรียนเมืองนอกฟรี...ก็มีในโลก!!!
       สาธารณรัฐประชาชนจีน และประเทศไทย ที่มีความสัมพันธ์อันดีมายาวนาน ผูกพันทั้งทางเชื้อชาติ ศาสนา และวัฒนธรรม ในช่วงระยะเวลาเพียง 10 ปี รัฐบาลจีนและไทยมีความร่วมมือและข้อตกลงในหลายๆ ด้านร่วมกัน และเพื่อสานความสัมพันธ์ระหว่างชาวจีนและคนทั่วโลก ทางรัฐบาลได้มอบหมายให้กระทรวงศึกษาจีน Ministry of Education of China (MOE) จัดตั้งทุนการศึกษาให้กับนักศึกษาชาวต่างชาติ เพื่อสนับสนุนการแลกเปลี่ยนและสร้างความเข้าใจทางการศึกษาระหว่างประเทศ และความร่วมมือทางการศึกษาไทย-จีน ทั้งในระดับปริญญาตรี โท และเอก มีทุนเรียนฟรีดีๆ ให้กับนักศึกษาจากประเทศไทยอยู่เป็นประจำ
      
       รายละเอียดทุน : ทุนในระดับปริญญาตรี 4-5 ปี (พร้อมหลักสูตรเสริมทักษะภาษาจีน 1-2 ปี) รวมทุนที่จะได้รับทั้งหมด 4-7 ปี มีทั้งทุนเต็มจำนวน (Full Scholarships) และทุนบางส่วน (Partial Scholarships) กรณีเป็นทุนเต็มจำนวน จะได้รับยกเว้นค่าธรรมเนียมในการสมัครเรียน ค่าเรียน ค่าใช้จ่ายในการทำการทดลองระหว่างศึกษา ค่าอุปกรณ์ต่างๆ และมีเงินเดือนให้ทุกเดือน คิดเป็นเงินหยวน (CNY Yuan per month) ประมาณ เดือนละ 1,700 หยวน หรือประมาณ 8,971 บาทต่อเดือน 
เรียนเมืองนอกฟรี...ก็มีในโลก!!!
Xiamen University
       เงื่อนไข : ผู้สมัครจะต้องไม่ใช่พลเมืองจีน อายุไม่เกิน 25 ปี มีผลการเรียนในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายอยู่ในเกณฑ์ดี ต้องผ่านการสอบของมหาวิทยาลัยต่างๆ ในประเทศจีน หรือได้รับการตอนรับจากทางมหาวิทยาลัยโดยผ่านการแนะนำรับรอง
      
       ดูรายชื่อมหาวิทยาลัยที่เข้าร่วมโครงการทุนการศึกษาได้ที่ :
       http://en.csc.edu.cn/  
       Xiamen University Scholarships 2014
       www.csc.edu.cn/laihua/universitysearchen.aspx 
      
       ***หมายเหตุ*** ผู้สนใจจะต้องคอยเช็กว่าแต่ละปีจะมีมหาวิทยาลัย คณะ และสาขาใดบ้างที่เปิดรับสมัคร
      
       6. สาธารณรัฐมาซิโดเนีย 
เรียนเมืองนอกฟรี...ก็มีในโลก!!!
       หลายคนคงไม่คุ้นหูหรือไม่รู้จัก “สาธารณรัฐมาซิโดเนีย” เป็นประเทศขนาดเล็กตั้งอยู่ในคาบสมุทรบอลข่าน โดยมีประชากรเพียง 2 ล้านกว่าคนเท่านั้น เป็นดินแดนที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติอย่างเช่นแร่ธาตุ และถ่านหิน รัฐบาลสาธารณรัฐมาซิโดเนีย ได้มอบทุนการศึกษาให้แก่นักเรียนต่างชาติรวมถึงนักเรียนไทย เพื่อให้ศึกษาต่อระดับปริญญาตรี เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม และสนับสนุนให้ในด้านการศึกษาอย่างเต็มที่ ถ้าใครที่ชอบความสงบประเทศเล็กๆ อย่าง สาธารณรัฐมาซิโดเนีย ก็เป็นตัวเลือกที่ดีตัวเลือกหนึ่งสำหรับการไปศึกษาต่อ
      
       กระทรวงการศึกษาและวิทยาศาสตร์แห่งประเทศมาซิโดเนีย 
       ทุนการศึกษาของกระทรวงการศึกษาและวิทยาศาสตร์ ของประเทศมาซิโดเนียนี้ มีทั้งหมด 15 ทุน โดยผู้สนใจสามารถเลือกเรียนมหาวิทยาลัยไหนก็ได้ในประเทศมาซิโดเนีย ครอบคลุมหลักสูตรปริญญาตรีในทุกสาขาวิชา
      
       รายละเอียดทุน : ครอบคลุมค่าเล่าเรียนเต็มจำนวน ค่าธรรมเนียมวีซ่าและใบอนุญาตถิ่นที่อยู่ ค่าโดยสารเครื่องบิน ค่าที่พักและอาหาร ค่าใช้จ่ายรายเดือนเพิ่มเติม 5,000 ดีนาร์มาซิโดเนีย (ประมาณ 3,624 บาท) ค่าเรียนภาษามาซิโดเนีย เพราะผู้สมัครที่ได้รับเลือกให้รับทุนการศึกษาต้องเรียนภาษามาซิโดเนียช่วงฤดูร้อน ในการเตรียมความพร้อมก่อนเริ่มต้นภาคเรียนฤดูใบไม้ร่วงของปีการศึกษานั้นๆ
      
       เงื่อนไข : ระยะเวลาการให้ทุน 4 ปี เป็นทุนการศึกษาที่มอบให้เป็นรายปี ดังนั้นผู้ที่ได้รับทุนจะต้องมีผลการเรียนอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจทุกภาคการศึกษาตลอดหลักสูตร, อายุไม่เกิน 28 ปี จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาเป็นอย่างน้อย และมีความเชี่ยวชาญในด้านภาษาอังกฤษ 
      
       ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : 
       www.uist.edu.mk และ www.ohrid.gov.mk
เรียนเมืองนอกฟรี...ก็มีในโลก!!!
       มหาวิทยาลัย University for Information Technology 
       
       หรือมหาวิทยาลัย St Paul the Apostle (UIST) เมือง Ohrid เป็นมหาวิทยาลัยด้านสารสนเทศและเทคโนโลยี มีทุนเรียนฟรีสำหรับนักศึกษาชาวต่างชาติ โดยมอบทุนศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีให้กับประเทศไทยเป็นประจำทุกปี โดยในปีการศึกษา 2557/2558 หมดเขตรับสมัครวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ.2557 เปิดรับสมัครทั้งหมด 7 สาขาวิชา คือ
      
       (1) Faculty of Communication Networks and Security (CNS)
       (2) Faculty of Computer Science and Engineering (CSE)
       (3) Faculty of Information Systems, Visualization, Multimedia and Animation (ISVMA)
       (4) Faculty of Information and Communication Science (ICS)
       (5) Study Program of Digital Business Informatics (DBI)
       (6) Faculty of Applied IT, Machine Intelligence and Robotics (AITMIR)
       (7) Study Program of E-Government, E-Business and E-Culture
      
       รายละเอียดทุน : ทุนการศึกษาครอบคลุมค่าเล่าเรียน ค่าธรรมเนียมการตรวจลงตรา (VISA) และ Resident Permitค่าบัตรโดยสารเครื่องบินไป - กลับ ค่าหอพักและอาหารสามมื้อ ประกันสุขภาพ และเบี้ยเลี้ยงเดือนละประมาณ 82 ยูโร (ประมาณ 3,624 บาท) โดยที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้จะทำการเรียนการสอนเป็นภาษาอังกฤษ การเขียนเอกสารการสมัครข้อมูลประจำตัวเอกสารจะต้องเป็นภาษาอังกฤษเท่านั้น
      
       เงื่อนไข : ระยะเวลาการให้ทุน 4 ปี, เอกสารแสดงผลสอบทางภาษาอังกฤษ เช่น IELTS (6.5 ขึ้นไป) , TOEFL iBT(80 คะแนนขึ้นไป) , GCSE , IGCSE . SAT เป็นทุนการศึกษาที่มอบให้เป็นรายปี ดังนั้นผู้ที่ได้รับทุนจะต้องมีผลการเรียนอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจทุกภาคการศึกษาตลอดหลักสูตร, อายุไม่เกิน 22 ปี จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาเป็นอย่างน้อย และมีความเชี่ยวชาญในด้านภาษาอังกฤษ 
      
       ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ :
       www.uist.edu.mk และ www.ohrid.gov.mk 
      
       ***หมายเหตุ*** ผู้สนใจจะต้องคอยเช็กว่าแต่ละปีจะมีมหาวิทยาลัย คณะ และสาขาใดบ้างที่เปิดรับสมัคร
      
       7. ประเทศตุรกี
เรียนเมืองนอกฟรี...ก็มีในโลก!!!
       ดินแดนไก่งวง เป็นอีกหนึ่งประเทศที่ทางรัฐบาลได้สนับสนุนให้มีการมอบทุนแก่นักศึกษาชาวต่างชาติจากทั่วโลกที่ต้องการเข้ามาศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีฟรี และไม่ต้องใช้ทุนคืนเมื่อสำเร็จการศึกษาแล้ว ทำให้มีผู้สนใจสมัครเยอะพอสมควร ซึ่งทุนเรียนฟรีที่ประเทศตุรกีมอบให้นี้เรียกว่า "Türkiye Scholarships” โดยจะมีทุนตั้งแต่เลือกเรียนคณะใด สาขาใดก็ได้(Bosphorus Undergraduate Scholarship Program) ไปจนถึงกำหนดประเภทของทุนอย่างเช่น Türkiye Scholarships Undergraduate Programme Applications for 2014 ที่ให้เลือกประเภทของทุนด้วย เช่น
      
       -Regional Undergraduate Scholarship Programmes
       -Ibn-i Sina Medical Sciences Scholarship Programme 
       -Yunus Emre Turkish Language Scholarship Programme 
       -Islamic Theology Scholarship Programme 
      
       รายละเอียดทุน : ค่าเล่าเรียนเต็มจำนวนตลอดหลักสูตรปริญญาที่เลือก ค่าเล่าเรียนภาษาตุรกีเป็นเวลา 1 ปี ค่าหอพัก ค่าประกันสุขภาพ ค่าตั๋วเครื่องบินไปกลับ และค่าใช้จ่ายรายเดือน เดือนละประมาณ 250 USD ประมาณ 8,098 บาทไทย ซึ่งบางปีอาจฟรีค่าที่พัก เมื่อนักศึกษาตกลงพักกับหอพักรัฐบาล ซึ่งจะให้พักหอในของสถานศึกษาที่ผู้ได้ทุนเลือก หรือหอใกล้สถานศึกษาที่สุดที่อยู่ในระดับเดียวกัน
      
       เงื่อนไข : 
       -อายุต่ำกว่า 21 ปี จบระดับมัธยมศึกษาตอนปลายแล้ว 
       -มีเกรดเฉลี่ยที่จบมาไม่ต่ำกว่า 90% สำหรับผู้สมัครที่ต้องการสมัครในสาขาวิทยาศาสตร์การแพทย์ และไม่ต่ำกว่า 70% สำหรับผู้สมัครที่ต้องการสมัครในสาขาอื่นๆ 
       -หลักสูตรส่วนมากสอนเป็นภาษาตุรกี ซึ่งหากได้รับทุน จะต้องเข้าเรียนหลักสูตรภาษาตุรกีก่อนเป็นเวลา 1 ปี แต่มีบางหลักสูตรที่สอนเป็นภาษาอังกฤษ ฝรั่งเศส หรือเยอรมัน ซึ่งหากผู้สมัครต้องการเรียนในหลักสูตรที่ไม่ใช่ภาษาตุรกี จะต้องมีเอกสารหรือผลสอบแสดงความสามารถทางภาษานั้นๆ ยื่นประกอบการสมัครด้วย 
       -สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ “การเขียนเรียงความ” ที่ต้องแนบไปพร้อมกับใบสมัครถือเป็นตัวชี้วัดเลยว่าคุณสมควรจะเป็นผู้ได้รับทุนนี้หรือไม่
      
       ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ :
       https://basvuru.turkiyeburslari.gov.tr/en) และ http://www.turkiyeburslari.gov.tr/index.php/en/
      
       ***หมายเหตุ*** ผู้สนใจจะต้องคอยเช็กว่าแต่ละปีจะมีมหาวิทยาลัย คณะ และสาขาใดบ้างที่เปิดรับสมัคร